ลำดับเหตุการณ์ ของ เหตุการณ์ตลาดหลักทรัพย์วอลล์สตรีทตก ค.ศ. 1929

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ค.ศ. 1928–1930, สีแดงเน้นเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน ค.ศ. 1929

คริสต์ทศวรรษ 1920 เป็นช่วงเวลาแห่งความมั่งคั่งและเกินพอดี ตลาดได้เติบโตต่อเนื่องหกปี โดยดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์มีมูลค่าเพิ่มขึ้นห้าเท่า จนระดับสูงสุด 381.17 จุด เมื่อวันที่ 3 กันยายน ค.ศ. 1929[3] ไม่นานก่อนเหตุการณ์ นักเศรษฐศาสตร์ เอียร์วิง ฟิชเชอร์ ป่าวประกาศซึ่งมีชื่อเสียงในเวลาต่อมาว่า "มูลค่าหลักทรัพย์ได้ถึงระดับที่ดูเหมือนว่าถึงระดับราบสูงอย่างถาวรแล้ว"[4]

วันที่ 24 ตุลาคม หรือเรียกว่า วันพฤหัสบดีทมิฬ ตลาดเสียมูลค่าไป 11% เมื่อตลาดเปิดทำการ โดยมีการขายอย่างหนัก นายธนาคารวอลล์สตรีทชั้นนำหลายคนประชุมกันเพื่อหาทางแก้ไขความตื่นตระหนกและความโกลาหลบนชั้นซื้อขาย[5] ด้วยทรัพยากรทางการเงินของนายธนาคารอยู่เบื้องหลังเขา ริชาร์ด วิทนี รองประธานตลาดหลักทรัพย์ จัดการประมูลซื้อหลักทรัพย์เหล็กกล้าสหรัฐอเมริกาบล็อกใหญ่ในราคาสูงกว่าตลาดปัจจุบัน ขณะที่เทรดเดอร์เฝ้ามอง วิตนีได้จัดการประมูลที่คล้ายกันกับหลักทรัพย์ "ชิพน้ำเงิน" (blue chip) อื่น ๆ ยุทธวิธีนี้คล้ายกับที่ใช้เพื่อยุติวิกฤตการเงิน ค.ศ. 1907 ซึ่งทำให้หยุดการปรับลดลง ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ฟื้นตัว ปิดโดยปรับลดลงเพียง 6.38 จุด วันหนึ่ง อย่างไรก็ดี ไม่เหมือนกับใน ค.ศ. 1907 มาตรการนี้เกิดผลเพียงชั่วคราวเท่านั้น

ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เหตุการณ์นี้ได้รับรายงานในหนังสือพิมพ์ทั่วสหรัฐอเมริกา เมื่อถึงวันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม หรือ "วันจันทร์ทมิฬ" มีนักลงทุนตัดสินใจออกจากตลาดเพิ่ม และการปรับลดลงดำเนินต่อไปโดยทำสถิติการลดลงในดาวโจนส์วันเดียว 38 จุด หรือ 13% วันรุ่งขึ้น "วันอังคารทมิฬ" ซึ่งตรงกับวันที่ 29 ตุลาคม ค.ศ. 1929 มีการซื้อขายหลักทรัพย์ประมาณ 16 ล้านหลักทรัพย์ และดาวโจนส์ลดลงอีก 30 จุด หรือ 12%[6][7][8] มูลค่าของหุ้นที่ซื้อขายกันเมื่อวันที่ 29 ตุลาคมนั้นเป็นสถิติอยู่นานถึงเกือบ 40 ปี[7] ตลาดเสียมูลค่า 30,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐในเวลาเพียงสองวัน[9]

ตลาดยังคงปรับตัวลดลงจนถึงจุดต่ำสุดชั่วคราว (interim bottom) เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 1929 โดยตลาดปิดที่ 198.60 จุด ตลาดฟื้นตัวเป็นเวลาหลายเดือนและแตะระดับปิดตัวสูงสุดครั้งที่สองที่ 294.07 จุด เมื่อวันที่ 17 เมษายน ค.ศ. 1930 ก่อนเริ่มลดลงอีกครั้งซึ่งกินเวลานานกว่าครั้งแรก จากเดือนเมษายน ค.ศ. 1931 ถึงเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1932 และตลาดดาวโจนส์ปิดที่ 41.22 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในคริสต์ศตวรรษที่ 20 และตลาดไม่กลับคืนสู่ระดับสูงสุดเมื่อเดือนกันยายน ค.ศ. 1929 จนถึงเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1954[10][11]

แหล่งที่มา

WikiPedia: เหตุการณ์ตลาดหลักทรัพย์วอลล์สตรีทตก ค.ศ. 1929 http://www.answers.com/topic/black-tuesday http://www.cfo.com/article.cfm/9059304/c_9064230 http://www.nyse.com/about/history/timeline_trading... http://finance.yahoo.com/q/ta?s=%5EDJI&t=my&l=on&z... http://www.npr.org/templates/story/story.php?story... http://www.pbs.org/wgbh/amex/crash/timeline/timeli... http://www.pbs.org/wnet/newyork/ http://www.timesonline.co.uk/tol/money/reader_guid...